หมดกรรม เสียที... - หมดกรรม เสียที... นิยาย หมดกรรม เสียที... : Dek-D.com - Writer

    หมดกรรม เสียที...

    ผู้เข้าชมรวม

    121

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    121

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ก.ค. 65 / 14:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    หมดกรรม เสียที…

    สมโภชน์   หนุ่มจาก เมืองใต้ ที่ผมเคยให้เขาได้พักอาศัย  ที่บ้านพักหลวง พร้อมกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่น   โภชน์ คือ ชื่อที่เพื่อนๆ  เรียกขานเขา จากการที่ผมได้เคยสอนและจากการที่เขาได้เขามาพักร่วมชายคาในบ้านในช่วงเวลาหนึ่ง    ทำให้ผมมองเห็นถึงบุคลิกภาพ   ในมุมต่างๆของเขา   ที่เป็นคนขรึม  สุภาพ   ใสซื่อ  ร่าเริง  รักเพื่อน มีน้ำใจ   สำหรับเรื่อง พื้นฐานของชีวิตของเขา  (หัวนอนปลายเท้า) ในอดีต  ผมไม่เคยทราบเลย....     ว่าเขาเป็นคนเช่นใด   กระทั่งเมื่อเขาเสียชีวิตลง  ผมจึงได้ รู้ว่าชีวิตของเขาช่างอาภัพ    น่าสงสาร .... ต้องกำพร้าพ่อแม่ มาตั้งแต่เยาว์วัย   เขาจึงต้องอยู่กับยายมาตั้งแต่อายุ  4 ขวบ พร้อมกับน้องชายอีกคน

    สมโภชน์ มาเข้าเรียนสถาบันการศึกษาที่ผมสอน  และสำเร็จการศึกษา ในระดับ ปวส.    ช่วงแรกๆ โภชน์  จะมาที่บ้านผม เพื่อมาหาเพื่อนชื่อ จรัญ เพื่อทำรายงาน และติวหนังสือเตรียมสอบ     ด้วยที่สมโภชน์เป็นคนเรียบร้อย   ตั้งใจเรียน     ผมจึงไม่ได้จับตาดูความประพฤติที่เขาและจรัล อาจจะชักชวนกันไปในทางที่ไม่ดี     สำหรับ .....เรื่องการดื่มสุรา-พี้กัญชา  มันอาจเป็นเรื่องของวัยที่พวกเขา  อาจจะต้องเข้าเมืองตาหลิ่วในกลุ่มเพื่อนๆ ของเขาบ้าง

    บ่อยๆ ครั้ง ที่โภชน์ ไปเที่ยวหอพักเพื่อนๆ  แล้วกลับเข้ามาในบ้านพัก   เพียงแค่ผมเห็นเขาเดินผ่าน ก็รู้ได้โดยทันทีว่า   เขาไปเสพกัญชามา  ผม ก็ได้ตักเตือนไปด้วยความห่วงใย

    "หลายบ้องเหรอ   วันนี้..  ตาปรือกลับมาทั้งคู่เลย"   ผมทัก

    "ครับ" สองคน ที่เป็นจำเลย ยิ้มๆ  ตอบสั้นๆ  พร้อมขอตัว ไปอาบน้ำ และพักผ่อน

    ..........................................................................................................

    ก่อนหน้าสมโภชน์  มาที่บ้านผมเป็นครั้งคราว   แต่......... เมื่อครั้งเกิดไฟไหม้หอพักของนักศึกษา     ผมได้ยกบ้านพักทั้งหลังให้ นศ.  มาพักอาศัยเกือบ 10 คน โภชน์จะมาคลุกคลีอยู่กับเพื่อนๆ    ดูเหมือนว่า สมโภชน์ เกิดถูกใจเพื่อนร่วมรุ่นของเขาเสียแล้ว     เขากับอ๋อมแอ๋ม เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นๆ เพราะความใกล้ชิด  หลายๆ ครั้งเวลาไปไหนมาไหน ผมจะเห็นทั้งคู่ มักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ   หลังที่ต่างคนต่างจบการศึกษาไปแล้ว   ผมก็ไม่ทราบข่าวคราวของอ๋อมแอ๋มอีกเลย

    สมโภชน์ เริ่มเข้าทำงานที่ฟาร์มหมู  ที่ลำพูน  ซึ่งเจ้าของกิจการ คือ รุ่นพี่ที่เคยเรียนที่สถานศึกษาแห่งนี้    กิจการในช่วงห้าปีแรก  ค่อนข้างเจริญก้าวหน้า  ฟาร์มมีกิจการที่ต้องขยายพื้นที่แห่งใหม่ โภชน์ได้รับความไว้วางใจ ให้มาดูพื้นที่ที่บุกเบิกใหม่  เขามีความสุข กับการทำงานและทุ่มเทความสามารถ ในการทำงานเต็มกำลัง

    ช่วงที่ผมทำงานวิจัยฯ โดยเงินทุนสนับสนุน  จากองค์การสหประชาชาติ    ต้องออกพื้นที่ไปยังจังหวัดต่างๆ  ทั่วภาคเหนือ ผมได้แวะไปเก็บข้อมูล และสัมภาษณ์เขาด้วย...   ครั้งนั้นผมยังชวนเขาไปเที่ยวที่ดอยปุย  ช่วงการทำงานในฟาร์ม สองสามปีแรก  สมโภชน์ มีเงินเดือนใช้เอง   ดูเขาจะมีความสุขมากๆ    กับการทำงานในฟาร์มแห่งนี้     เพราะมีทั้งความเป็นอิสระ และได้แสดงความสามารถที่จะให้เจ้าของกิจการได้เห็นฝีมือ    วันแรกที่ผมเจอเขา ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง

    "สวัสดีครับ..อาจารย์... พี่    สบายดีนะครับ" สมโภชน์ ทักทาย

    (ส่วนใหญ่ นักศึกษาจะเรียกผม ว่า อาจารย์ พี่  เนื่องจากวัยของเราห่างกันไม่มาก)

    "สบายดีสิ   เป็นไงบ้าง.. มาทำงานฟาร์ม  ที่นี่"

    "ดีครับ เจ้าของฟาร์ม  เป็นกันเองดี  เขาชื่อพี่อ๊อด... ครับ  เป็นรุ่นพี่  จบก่อนผมซักห้ารุ่นครับ  สบายดี.นะครับ" สมโภชน์ตอบ พร้อมตั้งคำถามกลับ

    "สบายดีครับ...    วันนี้ ผมจะออกไปสัมภาษณ์ ในท้องที่จังหวัดลำพูน  คืนนี้จะนอนที่ลำพูน  จะขอนอนค้างที่ฟาร์มสักคืนนะ  จะได้ประหยัดเงินค่าที่พัก" ผมพูด

    "ยินดี และเต็มใจอย่างยิ่ง ที่ได้ต้อนรับ  ผู้มีบุญคุณกับผม" สมโภชน์ พูด

    ..........................................................................................................

    หลังจากที่ผม ได้ออกไปทำงานในพื้นที่ต่างๆ ในอำเภอเมืองลำพูน เสร็จเรียบร้อยแล้ว    เมื่อเวลาค่ำลง  พนักงานขับรถ จึงขับรถเข้ามาในฟาร์ม  ผมได้แวะซื้ออาหารและเครื่องดื่ม มานั่งกินนั่งดื่มกับสมโชน์ พร้อมกับโชเฟอร์  ค่ำนั้นเราได้ถามไถ่ คุยเรื่องทุกข์สุข กันตามประสา ของคนคุ้นเคยกัน  ระหว่างครูกับศิษย์   ในระหว่างคุยกัน ผมได้สอบถาม ถึงเรื่อง อ๋อมแอ๋ม  เพื่อนสนิท  ของสมโภชน์ สมัยครั้งยังเรียน

    "ได้ข่าว....... อ๋อมแอ๋ม มั้ย"

    "ไอ้อ๋อม.... เหรอครับ   มันกลับไปอยู่บ้านที่อำเภอเทิง แล้วครับ  ผมไม่ได้ติดต่อกับมันเลย หลังจาก เรียนจบ   ผมได้ข่าวว่า มันแต่งงานแล้ว ครับ

    "รู้ได้ไง  " ผมถาม

    "ได้ยินเพื่อนๆ ผมมันบอก อาจารย์จำได้มั้ยว่า ครั้งหนึ่งเราเคยไปเที่ยวบ้านไอ้อ๋อม และค้างคืนที่บ้านมันสองคืน"

    "จำได้สิ” “ถามจริง  รักไอ้อ๋อม  เหรอ”

    "เพื่อนกันครับ ผมไม่ได้คิดอะไร กับมันหรอก"

    "ผู้ร้ายปากแข็ง" ผมย้ำ เพื่อเฟ้นหาความจริง

    "ครับ ผมชอบมัน มันน่ารัก..ครับ" ในที่สุดสมโภชน์ ก็ต้องสารภาพความจริง

    "ได้ข่าว  ไอ้รัล.......มั้ย"

    "หลังจากที่มันเรียนจบบางพระ แล้ว  มันไปทำฟาร์มกุ้ง ที่จังหวัดกระบี่ครับ"

    “ได้ติดต่อกันบ้างมั้ย” ผมถาม

    "ติดต่อกันไม่ได้เลยครับ   ไอ้เพื่อนคนนี้  ลึกลับมาก"

    ผมสังเกตเห็นว่าสมโภชน์  ดูจะเป็นนักดื่ม ที่คอแข็งกว่าแต่ก่อน มากกว่าครั้งที่เคยพักกับจรัล  ที่บ้านพักราชการที่ผมเคยให้เขาพัก กว่าจะได้หลับนอน เจ้าภาพได้ขอร้อง ให้ผมนั่งเป็นเพื่อน จนตีสอง..เช้าวันรุ่งขึ้น สมโภชน์ ได้ออกไปซื้อ  โจ๊กร้อนๆ พร้อมปาท่องโก๋  มาเตรียมใส่ชามให้พวกเรากิน    ก่อนที่ผมจะออกเดินทาง ไปทำงานวิจัยต่อ

    ที่อำเภอป่าซาง  ในฟาร์มที่สมโภชน์ทำงาน ทางบริษัท  มีห้องนอนห้องเล็กๆ  แคบๆ ให้คนงานอยู่อาศัย  ผมผ่านลำพูน..เกือบทุกครั้ง มักจะแวะไปเยี่ยมหาเขา  เริ่มแรกที่เขาทำงานจะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เลี้ยงหมู  สองสามปีต่อมา  ก็ได้รับมอบหมายให้มาเป็นคนคุมคนงานเลี้ยงหมูอีกที  ฟาร์มแห่งนี้นอกจากจะผลิตสุกรขุนแล้ว  ยังได้ผลิตอาหารสัตว์อีกหลายชนิดจำหน่าย   แรกๆ อาหารสัตว์ของบริษัทนี้ สามารถแข่งขันกับบริษัทใหญ่ๆ ในกรุงเทพได้อย่างสบายๆ ลูกค้าคือ ฟาร์มต่างๆ ในจังหวัดภาคเหนือ

    ต่อมา..บริษัท ดี เอ็ม เอ็ม อาหารสัตว์ จำต้องล้มเลิกกิจการ ไปในที่สุด เพราะปัญหาการบริหารงาน ที่เกิดความขัดแย้งกันเอง  ทั้งยังถูกบริษัทใหญ่ ลดราคาจำหน่าย  เพื่อตีตลาด ในไม่ช้าธุรกิจการผลิตสุกรขุนของบริษัทก็ต้องล้มเลิกไปอีกอย่างถาวร สมโภชน์ จึงต้องตกงานโดยปริยาย  เขาจึงกลับมาอยู่ที่บ้านแฟน โดยรับจ้างเลี้ยงสุกร ให้ฟาร์มแห่งหนึ่ง จนได้แต่งงานและมีบุตรด้วยกันสองคน ชีวิตความรักของสมโภชน์ใน 10 ปี แรกอบอุ่น    แม้สองคนสามี-ภริยา จะไม่ได้มีฐานะร่ำรวย   แต่คนในครอบครัวก็มีความสุข  เขายอมเหนื่อยกายและทุ่มเทกำลังกาย ในการหาเงิน  เพื่อจะเลี้ยงตนและครอบครัว พร้อมส่งเงินไปช่วยยาย ที่เคยเลี้ยงเขามาตั้งแต่อายุ  4  ขวบ อีกด้วย     หลายๆ ครั้งสมโภชน์ มารับผมไปดูกิจการฟาร์มหมูของพ่อตา โดยเขาเป็นผู้ดูแลและจัดการฟาร์มเองทั้งหมด

    “ที่ดินและ โรงเรือนฟาร์มเลี้ยงหมู  พ่อตาผมช่วยออกทุนให้  พันธุ์หมู  อาหารสัตว์ ยา บริษัทเขาจัดมาให้  พอผมเลี้ยงหมู ได้น้ำหนัก ประมาณ  100 กก. ทางบริษัทเขาก็มาจับ  หักลบกลบหนี้ งวดๆ หนึ่งผมได้เงินเป็นแสน ผมก็นำเงินไปจ่ายหนี้ ธกส. ให้พ่อ"

    "แล้วภริยาโภชน์ล่ะ ทำงานอะไรเหรอ" ผมถาม

    "เป็นครู.. อัตราจ้างครับ เขาจบ วุฒิ ปกศ. สูง รอสอบบรรจุ ครับ  สองคนช่วยกันทำมาหากิน ก็พออยู่ได้ครับ  เย็นๆ เมียผมก็เปิดสอนพิเศษ ที่บ้านด้วยครับ"

    "  ดีๆ  อดทนสักพัก  วันหน้าก็ คงเข้าที่เข้าทาง"

    ผมได้แวะไปเที่ยวที่บ้านสมโภชน์ ซึ่งพักกับภริยา   สมโภชน์ ได้แวะซื้อสุรา น้ำแข็ง และได้ชวนผมนั่งดื่มประมาณ ชั่วโมงเศษๆ   ผมได้พบกับภริยาเขาที่เพิ่งเลิกงานมา

    "แม่ ..เนี่ยะ  อาจารย์ของพ่อ  ที่พ่อเคยเล่าให้แม่ฟังบ่อยๆ"  สมโภชน์ แนะนำผม ให้ภริยา รู้จัก... เธอยกมือไหว้ ผมยกมือรับไหว้

    ครู่ต่อมา ผมจึงขอตัวกลับ...................

    หลังจากวันที่ผมไปหาเขา ที่ฟาร์มในวันนั้นแล้ว  แม้สมโภชน์จะอยู่เพียงแค่อำเภอ ไม่ไกลกับที่ผมพักอาศัย แต่ช่วงหลังผมแทบไม่ได้ข่าวคราวเขาอีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง    มีโทรศัพท์ ดังขึ้น

    "สวัสดีครับ อาจารย์พี่.. สบายดีนะครับ"  เสียงทักทาย ที่ผมกำลังนึก ว่าเขาเป็นใคร ที่สื่อสารมา

    "ใคร....อ่ะ"  ผมสอบถาม

    "ผมไอ้โภชน์ ไง อาจารย์..จำผมไม่ได้เหรอ  ลูกศิษย์ก้นกุฎิ"

    "รู้เบอร์โทร  ได้ไง..."

    "ผมโทรเข้าไปที่สถาบัน  เจ้าหน้าที่เลยบอกเบอร์  ให้ครับ"

    "อยู่ที่ไหน ทำอะไร...เหรอ"

    "ทำงานกับเพื่อน     ครับ จำไอ้เกิด  ได้มั้ย..."

    "บุญเกิดเหรอ ...จำได้สิ   นักวอลเลย์  สถาบัน"

    "ผมทำงานกับไอ้เกิด ที่อุบลฯ  เป็นลูกน้องมัน...ครับ"

    "ทำอะไรเหรอ”

    "ธุรกิจไม้แปรรูป  และรับสัมปทานป่าในประเทศลาวครับ" มันเป็นพ่อเลี้ยง และเป็นนักการเมืองไปแล้วล่ะครับ  อาจารย์"

    "เป็นไงบ้างล่ะ"

    "ก็สบายดีครับ..  แต่บางครั้ง ผมก็ลำบากใจอยู่บ้าง  ที่ทำงานกับเพื่อน บางทีก็พูดอะไรไม่ได้ บางเดือนผมไม่ได้รับเงินเดือน เพราะมันไม่อยู่ บางเดือนมันจ่ายให้ผมไม่ครบ ผมก็ไม่รู้จะทวงถามมันยังไงดี ลูกเมียทางบ้านผม ก็ต้องการและจำเป็นใช้เงิน  ผมก็ต้องไปหยิบยืม คนรู้จักมาส่งให้ทางบ้านก่อน"

    "อดทน  นะ  ยังไง  ก็เพื่อนกัน"

    นี่คือเหตุการณ์ ครั้งหนึ่ง ที่สมโภชน์  ได้โทรมาหาผม และนานๆ ครั้ง.......... ผมจะได้รับสายจากเขา เพื่อฟังการปรับทุกข์เรื่องของการทำงานและเรื่องภายในครอบครัวของเขา  เป็นระยะๆ

    สมโภชน์ทำงานกับบุญเกิดได้ประมาณสามปี   ในรอบปีหนึ่ง  สมโภชน์ จะได้กลับมาเยี่ยมลูกเมียประมาณสามครั้งต่อปี   จากความอึดอัดใจที่สะสมมากขึ้นๆ  เขาจึงต้องขอลาออก จากการทำงาน  แล้วมาทำงานกับเทิดศักดิ์ เพื่อนร่วมรุ่นอีกคนที่ หนองคาย แรกๆทำงานก็เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย เขาทำงานกับเทิดศักดิ์  ยาวนานที่สุดคือ เกือบ 5 ปี เงินค่าจ้าง รายเดือน  สมโภชน์แทบจะไม่ได้รับ.  เพราะเทิดศักดิ์  หมุนเงินทางธุรกิจไม่ทัน จึงไม่ได้จ่ายให้เขา จนยอดเงินค่าจ้างสะสมเป็นเงินแสนกว่าบาท .. และในที่สุดสมโภชน์  ก็ต้องกลับมาหาลูกเมียด้วยมือเปล่า  เขากับเพื่อนคนนี้ ก็ตองเลิกคบกันไปในที่สุด

    การกลับมาอยู่ที่บ้านภริยา  ครั้งนี้ เขาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในครอบครัว   ภริยาที่เป็นคนเรียบง่าย เคยใช้รถจักรยานยนต์ ไปไหนมาไหน  ก็เปลี่ยนมา ขับรถยนต์  ระยะแรกที่เขากลับมาลำปางใหม่ๆ  เขาค่อนข้างงุนงง กับพฤติกรรมของภริยา ซึ่งแตกต่างไปจากในอดีตที่รักกันใหม่ๆ จนกระทั่งมีลูก ช่วงรักกันใหม่ๆ เธอจะค่อนข้างเอาอกเอาใจ   ห่วงใย สามี  นี่คือสิ่งที่สมโภชน์  เคยโทรมาปรับทุกข์ กับผม  ผมก็เพียงได้แต่เห็นใจและรับฟัง พร้อมปลอบใจสมโภชน์ ให้ทำใจให้สบาย

    นี่คงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมโภชน์  เครียดหนัก  จึงหันหน้าไปดื่มเหล้า ไม่เว้นแต่ละวัน  งานการที่เคยทำ จากการเลี้ยงสุกรของตน ด้วยความสามารถ และประสบการณ์ที่มีอย่างช่ำชอง ก็ต้องล้มเหลวและขาดทุน จน ภริยาไม่ยอมพูดคุยด้วย สมโภชน์จึงต้องแยกตัวออกจากบ้านไปอาศัยบ้านญาติของภริยา

    "ลูกเรียนสูงขี้น ต้องใช้เงินใช้ทอง พี่ยังมาทำตัวเป็นคนขี้เมา แล้ว น้อย  จะมองหน้าใครได้"  คำพูดของภริยาของเขาประโยคนี้  คงน่าจะมีส่วนเสียดแทงใจ ให้สมโภชน์น้อยใจ ไม่น้อย

    "เออ  ฉันรู้...ว่าฉันเป็นคนไม่ดี   ฉัน ไม่มียศ มีตำแหน่ง ไม่ร่ำรวย เหมือน แฟนคนใหม่ของเธอ ใช่สิ เดี๋ยวนี้ เธอได้เป็นข้าราชการแล้ว  เธอสอบบรรจุได้  เธอก็ลืมความหลังเก่าๆ ที่เราเคยร่วม ทุกข์ยากมาด้วยกัน" สมโภชน์ ระบายความอัดอั้นตันใจกับภริยา

    หลังจากเขาต่อว่าภริยาแล้ว เขาได้รีบโทรศัพท์ หาผมทันที   ผมได้รับสายและปล่อยให้เขาได้ระบายความในใจ

    "อาจารย์.....ครับ ผมจะไม่อยู่เมืองลำปางแล้ว" คำพูดของเขา จริงจัง  พร้อมเสียงสะอื้นไห้

    "เมียผม เปลี่ยนไปมากเลย ชาวบ้านบอกผมว่า เขามีคนใหม่แล้ว ดูซิ...  เขาทำกับผมได้ลงคอ ผมสงสารลูก..... ผมรักลูกมาก   เมื่อก่อนเรากัดก้อนเกลือกินด้วยกัน    ผมมีเงินเดือน ก็ส่งให้ครอบครัว ไม่เคยขาด  ก่อนหน้าบรรจุ เธอเรียนต่อปริญญา ผมก็พยายามหาเงินส่งให้เธอเรียน ผมเสียใจครับ...อาจารย์"

    "เย็น..ว่ะ โภชน์  ผูกได้  ก็ต้องแก้ได้  " ผมปลอบและให้กำลังใจเขาไป

    "อาทิตย์ หน้าผมจะลงไปปักษ์ใต้  จะไปอาศัยอยู่กับเพื่อน เพื่อช่วยมันทำฟาร์มเลี้ยงหมู อาจารย์พอจะมีเงินให้หยิบยืมสักเล็กน้อยได้มั้ย"

    "ตอนนี้ อาจารย์ ก็ต้องใช้เงินว่ะ โภชน์ ลูกกำลังเรียนที่มหาวิทยาลัยทั้งคู่เลย ขอโทษด้วยนะ" ผมตอบ

    จริงๆ แล้ว ผมพอจะเจียดเงินให้เขาได้บ้าง หากสมโภชน์จำเป็นต้องใช้ เพื่อการเดินทางไปทำงาน ในระยะหลังนี้ มีลูกศิษย์บางคน ได้โทรมาบอกผมว่า หากสมโภชน์ ขอยืมเงินขออาจารย์ อย่าได้ให้เขาไป  เพราะสมโภชน์ เป็นคนติดเหล้า

    นี่คือครั้งแรก............. ที่เขากล้าโทรมายืมเงิน  ในใจลึกๆ  ผมคิดว่าหาก สมโภชน์ไม่จำเป็นเรื่องการเงินจริงๆ  เขาคงไม่กล้าโทรมายืมเงินผมอย่างแน่นอน

    จากวันที่ผมทราบข่าวว่า เขาจะลงไปปักษ์ใต้เพื่อทำงาน... จนผ่านมาสองปี.. ก็เพิ่งมาทราบข่าวจากกลุ่มไลน์รุ่น  ว่าสมโภชน์ ได้เสียชีวิตลงแล้ว    ในข่าวบอกไว้ว่า.............   ในวันเดียวกันนั้น เพื่อนผู้เป็นเจ้าของฟาร์ม ซึ่งเรียนรุ่นเดียวกันกับสมโภชน์   ได้กำชับ สมโภชน์ ก่อนออกไปธุระ

    "ไอ้โภชน์ มึงไม่ต้องลงไปจับปลาหรอก  ของกินในฟาร์ม มี เยอะแยะ  อายุก็มากแล้ว เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป  พรุ่งนี้ ค่อยจับปลา ก็ได้"

    ทุกๆ เย็น สมโภชน์ จะนั่งดื่มเหล้า กับคนงาน เย็นนั้น...เขานึกอยากจะได้ปลา มาเป็นกับแกล้ม

    .............................................................................................................

    เช้าวันรุ่งขึ้น.. เมื่อตะวันฉายแสง   คนงานในฟาร์ม จึงพบศพสมโภชน์ นอนคว่ำหน้า ในมือยังถืออุปกรณ์จับปลา   สมโภชน์เสียชีวิตลง  เสมือนศพอนาถ ไม่มีญาติ   ดีที่มีเพื่อนร่วมรุ่น และกลุ่มศิษย์เก่าฯ ได้ยื่นมือมาช่วย จึงทำให้งานศพของเขา.. สมเกียรติขึ้น   ผมทราบดีเว่า สมโภชน์ เป็นคนรักลูกมาก   ทุกๆ ครั้งที่เขาโทรมาหา   เขาจะพูดถึงเรื่องลูกตลอด

    "ผมห่วงลูกผมมากเลยครับอาจารย์ ถ้าผมเป็นอะไรไป ลูกผมจะเป็นไงบ้าง"

    หลับให้สบายนะ ไอ้น้องแก้ว...หมดเวรหมดกรรมเสียที

    ๒๐  กันยายน  ๖๑

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×